วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

ICT LAB 10

1. บล็อก คืออะไร

ตอบ     เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้

     คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

     บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงานในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



2. ข้อแตกต่างระหว่างบล๊อกกับเว็บไซต์ปกติ คืออะไรจงอธิบาย

ตอบ   จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียนซึ่งทำให้ ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



3. เนื้อหาในบล็อกนั้น จะประกอบส่วนที่สำคัญๆ กี่ส่วนอะไรบ้าง

ตอบ 1. ส่วนหัว (Page Header) น่าจะอยู่บริเวณบนสุดของหน้าเว็บเพจ เป็นส่วนที่แสดงชื่อ เว็บไซต์ โลโก้ แบนเนอร์โฆษณาลิงก์สำหรับข้ามไปยังหน้าเว็บอื่น

2. ส่วนเนื้อหา (Page Body) จะอยู่บริเวณตอนกลางของหน้าเว็บเพจ ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงเนื้อหาภายในหน้าเว็บเพจนั้น โดยประกอบด้วยข้อความ ข้อมูล ภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

3. ส่วนท้าย (Page Footer) จะอยู่บริเวณด้านล่างสุดของหน้าเว็บเพจ ส่วนมากใช้สำหรับลิงก์ข้อความสั้น

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



4. จงอธิบายขั้นตอนหลักๆ ในการสร้างบล็อกโดยสังเขป

ตอบ 1. เปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ โดยพิมพ์ URL ของ Blogger  คือ http://www.blogger.com/ เพื่อเข้าไปสมัครสมาชิก (Register)
         2. คลิกปุ่มสร้างบล๊อก

         3. กรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน ติกฉันยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ แล้วคลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
        4. ตั้งชื่อเว็บบล๊อกของท่านใส่ช่องแรก ช่องที่สองเป็น ที่อยู่ของ Blog ให้ท่านตั้งชื่อแล้วทำการตรวจสอบ โดยคลิกที่ "ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน" เมื่อชื่อที่ตั้งไม่ซ้ำกับผู้อื่นให้คลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
        5. ทำการเลือกแม่แบบที่ท่านต้องการแล้วคลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
        6. คลิกปุ่ม "เริ่มต้องการส่งบทความ"
       7. ทำการกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับบทความที่เราต้องการจะนำเสนอ
       8. เมื่อกรอกรายละเอียดเรียบแล้วคลิกปุ่ม "เผยแพร่บทความ"

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



5. เครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างบล็อก ที่นิยมมีอะไรบ้าง

ตอบ Wordpress,Movable Type

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



6. การสมัครสมาชิกนิสิตต้องทำอะไรบ้างและกรอกรายละเอียดอะไรบ้างจงอธิบาย

ตอบ 1. เปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ โดยพิมพ์ URL ของ Blogger คือ http://www.blogger.com/ เพื่อเข้าไปสมัครสมาชิก (Register)เสร็จขั้นตอนการสมัครสมาชิก
         2.คลิกปุ่มสร้างบล๊อก
         3. กรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน
             โดยมีรายละเอียดดังนี้
             ช่องที่ 1 ที่อยู่อีเมลล์ จะใช้ที่อยู่นี้เพื่อเข้าสู่ระบบ Blogger และบริการอื่น ๆ ของ google
             ช่องที่ 2 พิมพ์อีเมลล์อีกครั้ง เพื่อยืนยันความถูกต้องของอีเมลล์
             ช่องที่ 3 ป้อนรหัสผ่าน ต้องมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัว
             ช่องที่ 4 พิมพ์รหัสผ่ายอีกครั้ง เพื่อยืนยันความถูกต้องของรหัสผ่าน
             ช่องที่ 5 พิมพ์ชื่อที่แสดง ใช้เพื่อการลงนามในการบันทึกในบล๊อก
             ช่องที่ 6 การรับรองความถูกต้องของคำ ให้พิมพ์อักขระตามที่เห็น
             ยอมรับข้อตกลง
            เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ปุ่ม "ดำเนินการต่อ"
        4. ตั้งชื่อเว็บบล๊อกของท่านใส่ช่องแรก ช่องที่สองเป็น ที่อยู่ของ Blog ให้ท่านตั้งชื่อแล้วทำการตรวจสอบ โดยคลิกที่ "ตรวจสอบความพร้อมการใช้งาน" เมื่อชื่อที่ตั้งไม่ซ้ำกับผู้อื่นให้คลิกปุ่ม "ดำเนินการต่อ"




- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -



7. จงบอกถึงประโยชน์ของบล๊อก มาประมาณ 3 ข้อ

ตอบ 
     1. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้ บันทึกข้อมูล เรื่องราว ข่าวสารความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งที่สนใจ เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือ การเขียนมีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ถ้ามีการเขียน blog อยู่เป็นประจำก็จะสามารถนำมาสู่การสร้างขุมความรู้( Knowledge Assets ) อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ก็จะสามารถเก็บรวบรวมและแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและ รวดเร็ว

     2. เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้ โดยหลักการของ blog คือการเผยแพร่เรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนไว้บน blog เพื่อแสดงตัวตนของผู้เขียนออกสู่สาธารณชนซึ่งนั่นหมายถึง blog ย่อมมีความสามารถในการสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทันทีที่ผู้เขียนมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขความรู้ที่มีอยู่บน blog ไฟล์ RSS ก็จะทำการดึงเอาเนื้อหานั้น ๆ มาใส่ไว้ในไฟล์ด้วยทันที
     3. เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้ การเขียน blog จะอนุญาตให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นต่อความรู้ที่เขียนถ่ายทอดลงไปใน blog และได้เขียนโต้ตอบต่อความคิดเห็นนั้น ๆ ในลักษณะของการสนทนาเพื่อหาความแตกฉานในตัวความรู้ ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันสกัดความรู้ฝังลึกได้อย่างดี

     4. เป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ การเขียนและอ่าน blog เป็นวิธีการค้นหาความรู้ ช่วยให้ค้นพบผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะโดยการเขียน blog ที่มักอ้างถึง blog อื่น ๆ โดยการโยงลิงค์ไปหาบทความหรือบันทึกนั้น ๆอีกทั้งลิงค์ที่บรรจุไว้ใน blog ซึ่งอยู่นอกตัวบทความ หรือการร่วมเป็นสมาชิกของ blog ในกลุ่ม

     5. เป็นเครื่องมือในการสร้างลำดับความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของความรู้ โดยมีผู้นำเอาความรู้นั้นไปใช้ ให้เกิดผลและนำผลมาปรับปรุงความรู้เดิมให้เกิดความรู้ตัวใหม่ หรือทำให้ความรู้นั้น ๆ มีความถูกต้องมีหลักฐานที่วัดได้ทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ระบบมีการจัดลำดับความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องของความรู้หนึ่ง ๆ ได้โดยตรงจากผู้อ่าน blog ซึ่งอาจจะเป็น ผู้ที่ได้นำเอาความรู้นั้นๆ ไปใช้เองอีกด้วย หรือการแสดงสถิติต่างๆของ blog เช่น บันทึกที่ได้รับการแสดงข้อคิด เห็นมากที่สุด หรือ บันทึกที่มีผู้อ่านมากที่สุด ก็สามารถเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องของความรู้ได้ในระดับหนึ่ง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น